ทำพอดแคสต์ ที่ชื่อว่า Call Her Daddy เธอสร้างพอดแคสต์จนได้ทำสัญญามีราคาเกือบ 4 พันล้านกับทาง Spotify ทุกคนทราบหรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่มีเยอะมากกว่า 60 ล้านคนทั่วโลก
ทำพอดแคสต์ คิดว่าตัวเองรับบทบาท คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เนื่องจากเวลาผู้คนจะทำอะไร ทุกสิ่งที่เราได้เผยแพร่ออกไป เรียกได้ว่าเป็นคอนเทนต์ได้หมดเลย
ในขณะเดียวกันคนส่วนใหญ่ ได้คิดว่ากระบวนการการทำคอนเทนต์ ของตัวเองเป็น “อาชีพ” มากกว่างานอดิเรก ถือว่าไม่ใช่ทุกคน ที่ทำออกมาแล้วจะประสบความสำเร็จ พอดแคสต์ จิตวิทยา จากการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์นี้ได้
ซึ่งหลายคนจึงไม่ควรล้มเลิก ในการที่จะพยายาม ทำตามความชอบของตนเอง ในวันนี้แอดมินได้เอาเรื่องราวของ Alexandra Cooper มาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ
หญิงสาวที่ทำรายการเสียงชื่อช่อง Call Her Daddy เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อก็คือรายการของเธอนั่น พอดแคสต์ คือ ได้รับความนิยมมากจนได้ออกอากาศกับแอปยอดนิยมชื่อดัง Spotify โดยมีราคาสัญญากว่า 4,000 ล้านบาท เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง
จุดแรกเริ่มพอดแคสต์ช่อง Call Her Daddy นั่นมีที่มาได้อย่างไร แล้วจุดไหนที่ทำให้ Alexandra Cooper เฉิดฉายอยู่ในช่องทางนี้ได้น่าสนใจ
แต่เดิมเลยก่อนที่ Alexandra Cooper จะมาทำรายการเสียงของตัวเอง ทํา Podcast ใน YouTube เธออยู่ในสถานะที่กำลังตกงาน ที่มีความสนใจที่จะทำ คอนเทนต์แบบ Vlog ลงในช่องยูทูป จากนั้นมีเพื่อนของเธอที่ชื่อ Sofia Franklyn ได้มองเห็นว่าเธอ เป็นคนที่พูดเก่ง เป็นนักเล่าเรื่องที่ดี ช่างเจรจา
จึงได้แนะนำให้ Alexandra Cooper มาเริ่มสร้างพอดแคสต์ด้วยกัน ทําพอดแคสต์ ได้เงินไหม ถึงแม้แต่ก่อนนั้น Alexandra Cooper จะยังไม่ทราบมาก่อนเลยว่าพอดแคสต์นั่นมันคืออะไร แต่เธอก็ได้ตัดสินใจที่จะทำ และได้มาสร้างพอดแคสต์โดยใช้ชื่อว่า Call Her Daddy ในปี 2018
รายการเสียงที่มีชื่อว่า Call Her Daddy มีการสร้างคอนเทนต์ ที่เป็นการพูดคุยสไตล์เพื่อนสาวสองคน ที่มาแชร์แลกเปลี่ยนความคิด รวมถึงเล่าเรื่องประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เจอมาในชีวิต ทั้งเรื่องของความสัมพันธ์ ความสวยความงาม เรื่องบนเตียง รวมไปถึงเรื่องสุขภาพจิตต่าง ๆ
ซึ่งการตอบรับจากผู้ฟังที่มีต่อรายการ Call Her Daddy ก็เรียกได้ว่าดีมากเลยทีเดียว Podcast ฟรี เพียงใช้ระยะเวลาแค่ 2 เดือน ก็มีจำนวนดาวน์โหลดพอดแคสต์เพิ่มขึ้นจาก 13,000 ครั้ง ขึ้นมาถึง 2 ล้านครั้ง และยังติด 1 ใน 30 อันดับ
ช่องรายการเสียงที่มีจำนวนดาวน์โหลดมากที่สุดบน Apple Podcasts อีกด้วย
อีกสิ่งที่น่าทึ่งก็คือหลังจากที่ออกอากาศไปได้ประมาณ 4 ตอน เธอก็ได้ถูกทาบทามจาก Dave Portnoy ซึ่งเป็น CEOของบริษัท Barstool Sports ที่มีชื่อเสียงเรื่องสื่อ เข้ามาชักชวนให้ไปอยู่ในความดูแลของทางบริษัท ซึ่งข้อเสนอนี้มีระยะเวลา 3 ปี อีกทั้งทางบริษัทจะจ่ายค่าจ้างให้กับเธอเดือนละประมาณ 2.6 ล้านบาท
ค่าจ้างนี้ยังไม่รวมกับโบนัสที่ได้รับเพิ่ม ถ้าหากมีจำนวนดาวน์โหลดทะลุจากที่กำหนดไว้นอกจากนี้ยังให้ส่วนแบ่งของรายได้จากการโฆษณาอีกด้วย ในเวลาต่อมาหลังจากที่ได้ร่วมทำงานกับบริษัทอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ได้มีปัญหาภายในเกิดขึ้นมาระหว่าง เธอกับเพื่อนของเธอ และบริษัทที่ได้ร่วมงานกันด้วย ในตอนสุดท้ายเรื่องปัญหาต่าง ๆ จบลงด้วยเธอ และ Sofia Franklyn เพื่อนสนิทของเธอ ไม่อาจกลับมาทำงานร่วมกันได้อีก
ส่วนทาง Alexandra Cooper ยังคงทำงานอยู่กับบริษัท Barstool Sports ไปจนหมดสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ และยังได้เป็นเจ้าของรายการเสียงช่อง Call Her Daddy แต่เพียงผู้เดียวด้วย
ในเวลาต่อมาเธอก็ได้หมดสัญญากับบริษัท Barstool Sports ทางแอปชื่อดังอย่าง Spotify เปิดสถานี podcast ได้มีการติดต่อเธอเข้ามา เพื่อชักชวนขอทำสัญญา กับพอดแคสต์ของเธอนานถึง 3 ปี โดยทาง Spotify เป็นแอปเจ้าเดียวที่มีสิทธิ์ ออกอากาศพอดแคสต์ของเธอได้
อีกทั้งยังได้มีส่วนร่วมกับโครงการต่าง ๆ ที่จะทำขึ้นร่วมกันในอนาคตอีกทั้งมูลค่าตัวสัญญาในครั้งนี้ก็สูงถึง 3,000 ล้านบาท เรียกได้ว่าคือสัญญาที่มีมูลค่าสูงที่สุด ตั้งแต่ทาง Spotify ได้ทำสัญญาร่วมกับพอดแคสต์ที่เป็นผู้หญิง
จุดที่ทำให้เธอได้สร้างช่อง Call Her Daddy เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายขนาดนี้ อันดับแรกคือ เรื่องราวในพอดแคสต์ที่น่าสนใจ เข้าใจได้ง่าย
จากที่เล่าไปตอนแรกว่า เรื่องราวในพอดแคสต์ช่อง Call Her Daddy นั้นมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ความรัก เรื่องบนเตียง เรื่องพูดคุยในรูปแบบของเพื่อนสาว พูดคุยเอาเรื่องต่าง ๆ มาแชร์กัน สรุป พอ ด แค่ ส ต์ โดยเรื่องราวที่พูดถึงในพอดแคสต์ จะไม่ได้ถูกปิดบัง และความแซ่บร้อนแรงในเรื่องราว จึงได้มาเป็นที่ถูกใจของบรรดาผู้ฟัง
นอกจากนี้เธอได้พูดถึงเทคนิค ในการที่จะคิดคอนเทนต์ ให้กับพอดแคสต์ของตัวเอง ทำให้มีเรื่องราวที่น่าสนใจ นั่นก็คือเธอจะนำเอาการนั่งพูดคุย กับแขกรับเชิญที่มาเข้าร่วมในรายการก่อน เป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ให้อารมณ์เหมือนเพื่อนนั่งคุยกัน
ต่อมาเธอก็จะเอาเรื่อง จากที่ได้พูดคุยนั้น มากระชับให้เหลือเพียง 1 ชั่วโมงหรือเรียกว่าเอามาตัดต่อ เพื่อให้มีแต่เรื่องราวที่น่าสนใจ ในการพูดคุยเท่านั้น เพื่อที่จะเอามาออกรายการ
เนื่องจากเธอคิดว่าถ้าเรื่องราว มีความยาวเกินไป ผู้ฟังอาจเบื่อและไม่สนใจฟังต่อ และถือได้ว่ามีการตอบรับเป็นทางที่ดี อย่างที่หลายคนเห็น คือช่องของเธอกลายเป็นที่ถูกใจของบรรดาผู้ฟัง จนทำให้เกิดฐานบรรดาแฟนคลับ ของช่องขึ้นมา ไม่เพียงเท่านั้น ยังพัฒนาด้วยการสร้างการรับรู้ให้กับช่อง Call Her Daddy ให้แข็งแรงโดยการที่สร้างตัวตนที่ทำให้เธอ เป็นตัวแทนสื่อสารความเป็น Call Her Daddy ไปสู่คนฟังทั้งหลาย
ซึ่งผู้ฟังในพอดแคสต์นี้นั้นเรียกเธอว่า “คุณพ่อ” และตัวเธอเองก็ได้เรียกผู้ฟังในรายการว่า Daddy Gang และนำมาถึงสิ่งสุดท้ายก็คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคนฟัง
โดยเธอจะมีการอัปเดตเรื่องราวต่าง ๆ ทําพอดแคสต์ เรื่องอะไรดี ของเธออยู่ตลอดบนช่องทาง โซเชียลมีเดียสิ่งนี้ทำให้แฟน ๆ ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น และได้ติดตามเรื่องราวของเธอบนหน้าฟีดได้เสมอ
อีกทั้งความเป็นกันเอง และความใกล้ชิดที่เธอ ได้มีกับบรรดาแฟน ๆ ยิ่งจะเพิ่มความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น บางคนเรียกได้ว่าเป็นความภักดี อย่างไรก็ตามถึงจะมีคนแอบคิดในใจว่าเรื่องที่เธอ ได้ทำแม้เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้
แต่จริง ๆ แล้วการที่จะสร้างพอดแคสต์ ต้องมีการวางแผนที่รอบครอบ ทั้งในเรื่องของธุรกิจ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ และสิ่งที่สำคัญคือ การมีเพื่อนร่วมงาน ควรเลือกคนที่มีความคิดตรงกัน และอยากที่จะทำงานไปด้วยกันได้ตลอดเลยจริง ๆ
ไม่งั้นตอนสุดท้าย อาจเกิดเป็นปัญหาได้ สุดท้ายต้องแยกย้ายกันทำงาน เหมือนในเรื่องราวของเธอกับเพื่อนของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะได้เป็นเจ้าของช่อง Call Her Daddy แต่เรื่องที่น่ายินดีนี้ ก็มาพร้อมกับเรื่องที่ต้อง สูญเสียมิตรภาพของเธอ และเพื่อนที่ไม่มีทางได้คืนมา
เรียบเรียงโดย อลิส