ชีวิตของ Dave Grohl ชีวิตแบบ On The Rock
ชีวิตของ Dave Grohl ตัวพ่อแห่งวงการ ตำนานร็อกแอนด์โรล และดาราฮอลลีวูด อายุ 53 ปี มีชื่อเสียงในฐานะ มือกลองในวงดนตรี ที่เป็นตำนาน Nirvana และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในฐานะนักร้องนำของ The Foo Fighters
นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ที่ตีแผ่เรื่องราวชีวิตของเขา ทุกสิ่งทุกอย่าง ในหนังสืออัตชีวประวัติ Dave Grohl : The Storyteller และได้โชว์ตีกลองเพลง “Smells Like Teen Spirit” ในงานโปรโมท หนังสือเล่มใหม่ของเขาที่ New York Town Hall
Dave Grohl ได้รับการเสนอชื่อ ให้เข้าสู่หอเกียรติยศ Rock ‘n’ Roll ถึงสองครั้ง ครั้งแรกกับ Nirvana และตามด้วย The Foo Fighters ทำให้ Dave Grohl กลายเป็นหนึ่งในศิลปิน ที่เป็นตำนาน ของวงการเพลง
ชีวิตของ Dave Grohl : The Storyteller
Dave Grohl ในวัยเด็ก
David Eric Grohl เกิดที่เมืองวอร์เรน รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 มกราคม ปี 1969 เชื้อสายเยอรมัน ไอริช และสโลวัก ครอบครัวของเขา ย้ายมาอยู่ที่เวอร์จิเนีย ตั้งแต่ตัวเขายังเป็นเด็ก โดยมีคุณแม่ Virginia Jean เป็นอาจารย์ ส่วนคุณพ่อ James Harper Grohl เป็นนักข่าว และทั้งคู่ก็หย่าร้างกัน ตอนที่เขาอายุได้เพียง 7 ขวบ และเขาได้รับการเลี้ยงดู จากแม่ของเขา
แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค ในการดำเนินชีวิตของเขา ในแต่ละวันที่เขา อาศัยอยู่กับแม่ เขาเริ่มสนใจดนตรี และหัดเล่นกีตาร์ตอนอายุ 12 ปี Dave Grohl guitar โดยไม่สนใจตำราเรียน จนกระทั่งอายุ 15 ปี เขาได้เริ่มต้น อาชีพนักดนตรีอย่างจริงจัง ในฐานะมือกีตาร์
ต่อมาในปี 1984 เขาถึงกับลาออก จากโรงเรียนมัธยม เพื่อเข้าร่วมวงดนตรี Punk ที่ชื่อว่า Fresh Baby และเนื่องจากวง มีมือกีตาร์อยู่แล้ว เขาจึงเปลี่ยนมาตีกลอง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เส้นทางอาชีพนักดนตรีของเขา ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เขาและเพื่อน ๆ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงทำให้เขาต้อง ไปเล่นให้อีกหลายวง และออดิชันกับวงดังต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือวง Scream ซึ่งเป็นวง Punk ที่เขาชื่นชอบ มากที่สุดในตอนนั้น แล้วเขาก็ได้ตีกลองให้กับวง Scream ตั้งแต่ปี 1986 ด้วยอายุเพียง 17 ปี
ชีวิตที่เหมือนฝันกับ Nirvana
Nirvana ประวัติ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา ที่เขาอยู่กับวง Scream ชื่อเสียงของเขา ก็ยังไม่ถือว่าโด่งดัง และเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ จนกระทั่งในปี 1990 วงNirvana ได้ประกาศหาสุดยอดมือกลอง เพื่อเข้าร่วมหวดกลอง วงที่ได้ชื่อว่า โด่งดังที่สุด ในเวลานั้น
เดฟจึงไม่รอช้า รีบเสนอตัวทันที เพราะมีเพื่อนที่รู้จักกัน ช่วยแนะนำให้รู้จักกับวง เคิร์ต โคเบน ได้พูดคุยกับเดฟ ที่เคยได้เห็นผลงานกันมาบ้างแล้ว ดูเหมือนว่าเคมีของเดฟ จะเข้ากันกับวง ได้เป็นอย่างดี เจ้าตัวจึงได้เข้าร่วมวง และได้เซ็นสัญญากับค่าย DGC ด้วยค่าตัว 278,000 เหรียญ
หลังจากนั้นวง Nirvana ก็ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ในชื่อ Never Mind ผลปรากฏว่า Never Mind ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนอัลบั้มขาดตลาดทั่วอเมริกา และแน่นอนว่าพระเอก ของผลงานอัลบั้ม ชิ้นโบแดงนี้ ได้แก่เพลงยอดฮิตตลอดกาลอย่าง Smells like teen spirit นั้นเองครับ
และนั่นก็คือช่วงเวลา ที่ดีที่สุดของวงดนตรีวงนี้ ที่ฝากผลงานอันเป็นที่ยอมรับ และจดจำเอาไว้ และก็คงไม่ผิดสักเท่าไหร่ ถ้าจะบอกว่าวงนี้ คือราชาแห่ง Grunge Rock ตลอดกาล และประสบความสำเร็จมากมาย
ในช่วงเวลานั้น ทั้งชื่อเสียงยอดขาย และกระแสนิยม ในตัวตนของพวกเขา และดนตรียุคสมัยการแต่งกาย การสร้างสรรค์ผลงานดนตรี ได้รับการยกย่องว่านี่ คือGrunge Rock ที่ดีที่สุดแห่งยุค เลยก็ว่าได้ ยอมรับเลยว่าช่วงต้นยุค 90 นั้น เป็นของพวกเขาจริง ๆ
การสูญเสียที่น่าเศร้า Kurt Cobain
โชคชะตาเล่นตลก กับคนเราอยู่เสมอครับ เรื่องการเดินทางของ Dave Grohl กับ Nirvana มีอันต้องสิ้นสุดลง Nirvana ยุบ วง พร้อมกับโศกนาฏกรรม สะเทือนวงการในปี 1994 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ ที่แฟนเพลงไม่มีวันลืม
Kurt Cobain ได้ปลิดชีพตนเอง ด้วยปืนลูกซอง ในขณะที่พวกเขา กำลังโด่งดัง และประสบความสำเร็จ มากที่สุดในชีวิต เรียกว่ากำลังพีคสุด ๆ ต้องบอกว่านี่ คือการสูญเสีย ที่ช็อกโลกมาก ๆ เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ แฟนเพลงเป็นอย่างมาก
และแน่นอนว่า คนที่เสียใจมากที่สุด คงหนีไม่พ้น คริสต์ โนโวเซลิช และเดฟโกรล เพื่อนร่วมวงที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ผู้ที่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ ที่นำNirvana ฉีกกฎเกณฑ์เพลงร็อก สู่ความแปลกใหม่ของเสียงดนตรี จนกลายเป็นกระแสนิยม
หลังจากการสูญเสีย นักร้องนำซึ่งเป็นหัวใจของวงไป คริสต์ โนโวเซลิช และเดฟโกรล ก็มีแผนที่จะทำวงด้วยกันอีกครั้ง แต่พอมาลองคิดทบทวนดูแล้ว ถ้าหากทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน แฟนเพลงก็จะยึดติด กับภาพลักษณ์ของวง Nirvana ซ้ำยังเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวในใจ ของพวกเขาที่เพื่อนรัก ต้องมาจากไป ก่อนเวลาอันควร
ทั้งคู่จึงตัดสินใจ แยกทางกันเพื่อให้แฟนเพลง ได้จดจำเคิร์ต โคเบนและวง Nirvana ในฐานะตำนาน ชีวิตคือการเล่นดนตรี แต่วันหนึ่งเพื่อนร่วมวง กลับจากไปกะทันหัน จะทำวงต่อไปก็กระไรอยู่
Move On !!
อย่างไรก็ตาม งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ในชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป หลังจากทำใจได้ คริสต์ โนโวเซลิช ก็ได้ตั้งวง Sweet 75 ขึ้นในปี 1995 และวงEyes Adrift ภายในปี 2012 ซึ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จในวงกว้าง และตัวเขาเองก็หันไปทำงานเบื้องหลัง ซะเป็นส่วนใหญ่
ส่วนเดฟโกรล ได้ถูกชวนให้เป็นมือกลองของวง Tom Pettey and Hard Breaker ในปี 1994 และเขาได้อยู่กับวงแค่ชุดเดียวเท่านั้น และตัดสินใจลาออก โดยเขาให้เหตุผลว่า ไม่อยากเป็นแค่นักดนตรี ที่เล่นแบ็กอัพให้กับคนอื่น
จากนั้นเขาก็หันมาจริงจังกับ The Foo Fighters โดยอัลบั้มแรกในปีเดียวกัน เขาแต่งเพลง ตีกลอง-เบส-กีตาร์และอัดเสียงร้องเองทั้งหมด จะเรียกว่าเป็นอัลบั้มเดี่ยว ก็คงจะไม่ผิด การเดินทางครั้งใหม่ในนาม วง full fighter ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากแฟนเพลงทั้งเก่าและใหม่
Dave Grohl ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับร้องนำ เป็นฟรอนต์แมนของวงอย่างเต็มตัว Foo Fighters ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย โดยมีสตูดิโออัลบั้มทั้งหมด 9 ชุด และยังมีอัลบั้มพิเศษอื่น ๆ อีกรวมทั้งสิ้นกว่า 20 อัลบั้ม อีกทั้งรางวัลต่าง ๆ ซึ่งการันตีคุณภาพของวง และตัวของเดฟโกรล ได้เป็นอย่างดีว่าเขาคือสุดยอด Rockstar มากความสามารถ จากยุคอัลเทอร์เนทีฟ จนถึงปัจจุบัน
โปรดติดติดตาม ข่าวบันเทิง และ เรื่องราวที่น่าสนใจ ได้ที่นี่ที่เดียว รับข้อเสนอดี ๆ ได้ที่